dragon fruit

แก้วมังกร


แหล่งที่มาของวิดีโอนี้ https://www.youtube.com/watch?v=eVKzzOnZx6w

แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่นำพันธุ์มาจากประเทศเวียดนาม คนเวียดนามเรียกว่า ธานห์ลอง กัมพูชาเรียกว่า สกราเนียะ มีชื่อสามัญว่า Dragon fruit ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hylocereus undatus (Haw) Britt. & Rose. ถิ่นกำเนิดของแก้วมังกรอยู่ในทวีปอเมิรกากลาง แถบหมู่เกาะเวสต์อินดีส โคลอมเบีย กัวเตมาลา และเวเนซูเอล่า สันนิษฐานว่าแก้วมังกรเข้ามาในเอเชียโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่นำพืชพันธุ์ นี้มาจากอเมริการกลางมาปลูกในเวียดนามเป็นระยะเวาลาไม่น้อยกว่าหนึ่งศตวรรษ ที่เวียดนามปลูกันมากจนชาวเวียดนามถือว่าเป็นผลไม้ท้องถิ่น มีการปลูกเป็นไม้ผลหลังบ้านและปลูกเป็นสวนขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ตามสภาพดินที่มีอยู บริเวณที่ปลูกกันมากคือ แถบชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเมืองนาตรังทางเหนือลงไปทางใต้ถึงนครโฮจิมินห์

 


ส่วนในเมืองไทยนั้น มีผู้นำแก้วมังกรเข้ามาปลูกเป็นเวลานานมากกว่ากึ่งศตวรราแล้ว แต่ไม่เป็นที่รู้จักเมื่อราว พ.ศ. 2534 เพิ่งมีการนำต้นพันธุ์ดีจากประเทศเวียดนามเข้ามาปลูกเพื่อเป็นผลไม้เศรษฐกิจ

แก้วมังกรเป็นไม้ในตระกูลกระบองเพชร ลำต้นเป็นแฉก แฉก คล้ายครับมังกร มีหนามเป็นกระจุกอยู่ที่ตา 4-5 หนาม ลำต้นเดียว แผ่ก้านออกไปรอบ ๆ ต้องมีค้างคอยพยุง ดอกสีขาว เป็นรูปทรงกรวยขนาดใหญ่ มีกลีบยาวเรียวทับซ้อนกัน บานในเวลากลางคือ จึงมีชื่อเรียกว่า moonflower หรือlady ot the night หรือ queen of the night ผลแก้วมังกรเมื่อดิบผิวเปลือกเป็นสีเขยว รูปทรงกลมรี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 6-10 ซม. มีกลีบเลี้ยงติดอยู่ตามเปลือกผล เมื่อสุกผิวเปลือกเปลี่ยนเปนสีแดงอมชมพู เนื้อในมีทั้งสีแดงและสีขาวขุ่น มีเมล็ดเล็ก ๆ สีดำคล้ายเมล็ดแมงลักกระจายทั่วทั้งผล ปลูกได้ทุกภาคทั่วประเทศ แต่แหล่งที่มีการปลูกมากอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี กาญจนบุรี สระบุรีและสมุทรสงคราม
แก้วมังกรมีหลายพันธุ์ด้วยกัน ดังนี้

-  แก้วมังกรพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง ผลทรงกลมรีผิวเปลือกสีชมพูสด มีกลีบสีเขียวตามผิวเปลือก เนื้อสีขาวมีเมล็ดสีดำแทรกอยู่ในเนื้อ รสชาติหวานนิด ๆ อมเปรี้ยวหน่อย ๆ บางผลก็หวานจัด แล้วแต่ลูก
-  แก้วมังกรพันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง ผลเป็นรูปไข่ ขนาดเล็กกว่าทุกพันธุ์ เปลือกหนาสีเหลือง เนื้อสีขาว เมล็ดสีดำมีขนาดใหญ่และปริมาณน้อยกว่าพันธุ์อื่น ๆ รสชาติหวาน
-  แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง เป็นพันธุ์ที่ผสมขึ้นมาใหม่จากไต้หวัน ผลเป็นทรงกลม เปลือกสีแดงจัด ผลขนาดเล็กกว่าพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง เนื้อสีแดงจัด มีเมล็ดสีดำขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่ว รสชาติหวานกว่าพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง

         

แก้วมังกรในประเทศไทยมีผลดกช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน แต่ก็มีผลประปรายตลอดทั้งปี มักกินเป็นผลไม้สด หรือกินรวมกับผลไม้อื่นเป็นฟรุตสลัด หรือนำไปปั่นเป็นน้ำแก้วมังกร เพราะเนื้อเยอะฉ่ำน้ำ รสหวานอ่อนๆ อมเปรี้ยวนิดๆ ส่วนแก้วมังกรแดงรสจะหวานจัดกว่าเล็กน้อย
เมื่อเรารู้ลักษณะของความเป็นมาของแก้วมังกรแล้วเรามาดู  วิธีการปลูกแก้วมังกรแบบประหยัดกัน
การปลูกแก้วมังกร จะปลูกระยะห่าง 50 เซ็นติเมตร ต่อ ต้น โดยปักไม้รวกมัดติดกับต้น ปลายไม้รวกผูกติดกับลวดด้านบน ให้ระยะปลูก ระหว่างแถวห่างกันประมาณ 2-3 เมตร ในเนื้อที่ ไร่จะปลูกได้ประมาณ 1500 ต้น ความสูงของค้างประมาณ 150 เซนติเมตร ก่อนยอดจะุถึงค้างถ้าต้นแก้วมังกรแตกแขนง ควรจะเด็ดทิ้งเหลือไว้เพียง ยอด จะได้โตเร็วจนปลายยอด ต้นแก้วมังกรสูงถึงค้างจะเด็ดยอดทิ้งเพื่อให้แตกกิ่งข้าง
ในปีแรกจะไว้กิ่งเพียง 3-4 กิ่ง กิ่งเริ่มยาวจะห้อยลง พอห้อยลงประมาณ 60-70 เซนติเมตร ก็จะเด็ดยอดอีกครั้งเพื่อให้อั้นตาดอกก่อนเด็ดยอดประมาณ เดือน ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 เพื่อให้สะสมอาหารช่วงออกดอก ติดผลควรเลือกลูกที่สมบูรณ์ไว้กิ่งละ 2-3 ลูกใน ต้น มี กิ่ง เฉลี่ย 2-3 ผลต่อ กิโลกรัมต่อรุ่นต่อต้นจะได้ 3-5 กิโลกรัม ใน ปีออก รุ่น เฉลี่ยต่อปีต่อต้นได้ประมาณ15 กิโลกรัม ราคาิกิโลกรัมละ 25-35 บาท ถ้าดูแลดีได้ผลผลิตดีเพียง ปี ก็คืนทุนการให้ปุ๋่ยนั้น ปลูกไปประมาณ 20 วันก็เริ่มให้ปุ๋ยได้ใช้สูตร 25-7-7 ต้นละ ช้อนโต๊ะ เดือนละ ครั้ง ช่วงหน้าแล้วควรใช้แกลบ ดิน หรือฟาง คลุมโคนต้นเพื่อรักษาความชุ่มชื่น ไม่ควรกำจัดหญ้าจนเกลี้ยงจะทำให้ดินร้อนเพราะรากของแก้วมังกรจะอยู่ลึกประมาณ 30เซนติเมตร ถ้ามีหญ้ามากและสูงเกินไปควรใช้เครื่องตัิดเศษหญ้าจะได้คลุมโคนต้นและเมื่อย่อยสลายแล้วจะกลายเป็นปุ๋ยด้วย


คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ: 
แก้วมังกร มีสารอาหารหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินซี และมีเส้นใย มีสรรพคุณช่วยลดโคเลสเตอรอล ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ ลดความดันโลหิต ควบคุมน้ำหนัก แก้ท้องผูก ป้องกันมะเร็งสำไส้ใหญ่และช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น

แหล่งที่มา thaifruitclub.blogspot.com

No comments:

Post a Comment